เรื่องล่าสุด
-
สกุล Astrophytum
ตุลาคม 15, 2024
-
ขั้นตอนการเพาะเมล็ด 2
ตุลาคม 15, 2024
-
สกุล Ariocarpus
ตุลาคม 14, 2024
-
สกุล Espostoa
ตุลาคม 14, 2024
-
สกุล Parodia
ตุลาคม 13, 2024
-
ความเป็นมาของแคคตัส
ตุลาคม 13, 2024
-
การให้น้ำแคคตัส
ตุลาคม 12, 2024
-
โรคทางกายภาพ
ตุลาคม 12, 2024
-
กลุ่ม Mammillaria
ตุลาคม 11, 2024
-
สกุล Rhipsalis
ตุลาคม 11, 2024
|
สกุล Opuntia แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่มากมากกว่า 400 ชนิดและอีกหลายสายพันธุ์ด้วยกัน ชื่อสกุล Opuntia มาจากชื่อเมือง Opuntia ในกรีซ แคคตัสในกลุ่มนี้มีหลากหลายลักษณะ มีทั้งต้นเล็ก เป็นทรงกลมต่อๆ กัน จนถึงชนิดที่มีขนาดใหญ่ เป็นทรงกระบอกต่อกัน และสูงกว่า 2 เมตร และบางครั้งก็พบว่ามีลักษณะสูงใหญ่เหมือนไม้ยืนต้น ส่วนหนามก็มีทั้งแบบแข็ง ยาว และเป็นอันตราย เช่น Opuntia bigelovii หรือเป็นแบบอ่อนคล้ายกระดาษ เช่น Opuntia platyacantha
ดอกของแคคตัสในสกุลนี้ไม่มีท่อดอก แต่ส่วนรังไข่ขนาดใหญ่ ปกคลุมด้วยหนาม ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีม่วงแดง มักจะออกดอกดกและสวยงามมาก ส่วนผลมมีลักษณะทรงกลมหรือเป็นรูปไข่ เมื่อแก่จะมีสีเหลืองถึงสีแดง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-7.5 เซนติเมตร แคคตัสในสกุลนี้มีหลายชนิดสามารถผสมตัวเองจนเกิดผลและร่วงหล่นจนงอกออกมาเป็นต้นใหม่ได้ เช่น Opuntia fulgida
แคคตัสในสกุลนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนเหนือของแคนาดา ตอนใต้ของอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง ตะวันตกของทางหมู่เกาะเวสต์อินดีส เกาะกาลาปาโกส และใต้สุดของเทียราเดลฟิวโกในพาทาโกเนีย พบมากในที่ที่มีระดับความสูง 3,700 เมตร จากน้ำทะเล ส่วนใหญ่ชอบน้ำและทนต่ออุณหภูมิต่ำได้ถึง -18 องศา เซลเซียส แต่มีบางชนิดที่มาจากตะวันตกของหมู่เกาะเวสอินดีส จะไม่สามารถทนต่อสภาพอาการหนาวเย็นได้
โดยส่วนใหญ่แล้วลักษณะผลของแคคตัส จะมีสีที่มีความสดใส สะดุดตา รูปร่างแตกต่างกันออกไปมากมาย เช่น รูปทรงกลม รูปทรงกระบอก หรือรูปไข่ ผิวมีลักษณะมันเรียบ มีขนหรือหนามแข็งปกคลุม หรือมีลักษณะเป็นเกล็ดซ้อนทับกัน บางชนิดก็อาจจะมีหลายๆ ลักษณะปะปนกันไป เช่น มีทั้งเกล็ดและมีทั้งขน เป็นต้น
ส่วนเนื้อในผลของแคคตัส นั้นมีลักษณะที่นุ่มใสคล้ายๆ กับวุ้น และมีเมล็ดปะปนอยู่ในเนื้อ บางชนิดเมื่อผลแก่เต็มที่จะแห้งไปทั้งผล แต่บางชนิดเมื่อผลแก่จะปริแตกออกมาทำให้เมล็ดกระเด็นหายไปได้
ลักษณะดอกของแคคตัส จะมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เช่น รูปกรวย รูประฆัง รูปจาน หรือมีลักษณะเป็นหลอด ดอกของแคคตัสมี 2 แบบด้วยกัน คือ
- ดอกแบบ Actinomorphic คือ ลักษณะของดอกที่แบ่งตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลางได้เป็น 2 ส่วน มีลักษณะเหมือนกันทุกประการและแบ่งได้มากกว่า 1 ครั้ง
- ดอกแบบ Zygomorphic คือ ลักษณะของดอกที่แบ่งตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลางได้เป็น 2 ส่วน โดยมีลักษณะเหมือนกันทุกประการและแบ่งได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น
กลุ่ม Melocactus กลุ่มนี้มีขนาดลำต้นค่อนข้างเล็ก มีลักษณะรูปร่างเป็นทรงกลมแป้นหรือทรงกระบอก เห็นสันต้นชัดเจน บริเวณโคนของหลอดดอกอาจจะมีปุยนุ่มหรือไม่มีก็ได้ แต่จะไม่มีหนามขึ้นปกคลุม ดอกเกิดจากด้านบนของ cephalium ยกเว้น สกุล Buiningia ดอกจะเกิดบริเวณด้านข้างของ Cephalium แบ่งออกเป็น สกุล Buiminagia , Discocactus และ Melocactus
กลุ่ม Cereus แคคตัสกลุ่มนี้เรารู้จักกันในชื่อของกระบองเพชร จึงไม่มีใบหรือ giochids (หนามหรือขนแข็งที่มีปลายโค้งงอ อาจจะอยู่รวมกันเป็นกระจุกๆ ) เมล็ดมีสีดำหรือน้ำตาล ลักษณะต้นเป็นทรงกระบอก มีสันและหนามปกคลุม หรือไม่มีก็ได้
แคคตัสในกลุ่มนี้ปลูกเลี้ยงง่ายและชอบแสงแดดมาก มีอยู่ด้วยกันหลายสกุล เช่น Armatocereus , Arrojadoa, Bergerocactus , Borzicactus , Brachycereus , Browningia , Calymmanthium , Carnegiea , Cephalocereus , Cereus , Chamaecereus , Cleistocactus ,Corryocactus , Dendrocereus , Echinocereus , Erdisia , Escontria , Eulychnia , Harrisia , Hildwinters , Jasminocereus , Lemaireocereus , Lophocereus , Machaerocereus , Micranthocereus , Monvillea , Mytillocactus , Neoraimondia , Nyctocereus , Pachycereus , Peniocereus , Pilosocereus , Rathbunia , Selenicereus , Stetsonia Trichocereus , Cereus jamacaru , Cereus peruvianus , Cereus Chalybaeus เป็นต้น
|
|