เรื่องล่าสุด
-
สกุล Cleistocactus
ธันวาคม 13, 2024
-
สกุล Astrophytum
ธันวาคม 12, 2024
-
ขั้นตอนการเพาะเมล็ด 2
ธันวาคม 12, 2024
-
สกุล Espostoa
ธันวาคม 11, 2024
-
สกุล Parodia
ธันวาคม 11, 2024
-
ความเป็นมาของแคคตัส
ธันวาคม 10, 2024
-
การให้น้ำแคคตัส
ธันวาคม 10, 2024
-
โรคทางกายภาพ
ธันวาคม 9, 2024
-
กลุ่ม Mammillaria
ธันวาคม 9, 2024
-
สกุล Rhipsalis
ธันวาคม 9, 2024
|
กลุ่ม Echinocactus แคคตัสกลุ่มนี้มีลำต้นค่อนข้างเล็ก มีลักษณะเป็นทรงกลมแป้นหรือกระบอก ส่วนของสันต้นเห็นได้ชัดเจน บริเวณโคนของหลอดดอกอาจมีปุยนุ่มหรือไม่มีก็ได้ แต่จะไม่มีหนามขึ้นปกคลุม ดอกจะเกิดอยู่ในบริเวณกลางลำต้นทางด้านบนสุดของต้นและไม่มี Cephalium (บริเวณที่หนาม หรือขนแข็งสั้นๆ ขึ้นอยู่รวมกันอยู่อย่างหนาแน่น อาจจะพบอยู่ด้านข้างหรือปลายยอดของต้น เป็นบริเวณที่เกิดดอกและติดผล)
แคคตัสในกลุ่มนี้แบ่งออกเป็นหลายสกุลด้วยกัน ได้แก่ Ancistrocactus , Ariocarpus , Astrophytum , Aztekium , Cochemiea , Coloradoa , Copiapoa , Coryphantha , Dolichothele , Echinocactus , Echinomastus , Echinofossulocactus , Encephalocarpus , Epithelantha , Escobaria , Ferocactus , Gymnocalycium , Hamatocactus , Homalocephala , Isiays , Leuchtenbergia , Lophophora , Mamillopsis , Mammillaria , Neobesseya , Neogamesia , Neolloydia , Neoporteria , Ortegocactus , Parodia, Pediocactus , Pelecyphora , Sclerocactus , Solisia, Strombocactus , Thelocactus , Toumeya และ Utahia
กลุ่ม Lobivia สำหรับกลุ่มนี้มีลักษณะลำต้นเป็นทรงกลม ขรุขระ ขนาดไม่ใหญ่มากนัก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-15 เซนติเมตร มีหนามแหลมเล็กจำนวนมากแผ่ออกโดยรอบ มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน เช่น Lobivia aurea, Lobivia cinnabarina , Lobivia jajoiana , Lobivia maximiliana var. corbula , Lobivia haageana , Lobavia minuta , Lobivia huascha var. rubra , Lobivia drijveriana , Lobivia acanthoplegma var. leucantha , Lobivia wrightianan , Lobivia famatimensis เป็นต้น
สกุล Echinocereus แคคตัสสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 100 กว่าชนิด และมีอีกหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Echinocereus มาจากภาษากรีกว่า Echinus หมายถึง เม่น และภาษาละตินว่า Cereus หมายถึง เทียนขี้ผึ้ง แคคตัสบางชนิดในสกุลนี้มีชื่อสามัญว่า Hedgehog Cactus
แคคตัสในสกุล Echinocereus นี้มีดอกสวยงามมากที่สุด สามารถแบ่งกลุ่มได้หลากหลายสายพันธุ์ตามลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เช่น Echinocereus viridiflorus มีลักษณะลำต้นตั้งตรง ขนาดเล็ก ออกดอกขนาดเล็กสีเขียว Echinocereus subinermis จะออกดอกขนาดใหญ่สีเหลือง Echinocereus gentryi มีหลอดดอกยาว Echinocereus reichenbachii มีลำต้นแคบเล็กและหนามรูปหวี ดอกมีขนาดใหญ่ Echinocereus longisetus มีหนามยาวหนาแน่นและดอกมีขนาดใหญ่ Echinocereus triglochidiatus มีลักษณะเป็นต้นเลื้อย ขนาดใหญ่ มีหนามแข็งแรง ส่วนดอกคล้ายเคลือบด้วยขี้ผึ้ง และบานได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ส่วนใหญ่ดอกมักจะเกิดที่ตุ่มข้างของต้น แต่มีอยู่ 2-3 ชนิดที่มีดอกใกล้ตุ่มหนาม แคคตัสสกุล Echinocereus ส่วนใหญ่มักจะออกดอกขนาดใหญ่ แต่บางชนิดก็มีดอกขนาดเล็ก เวลาบานดอกจะเปิดกว้างออก หลอดดอกและผลจะปกคลุมไปด้วยหนาม กลีบดอกและหลอดเกสรตัวเมียจะยื่นออกมาเห็นได้ชัด บริเวณกลางดอกผลจะมีหนามปกคลุมอยู่มาก และเมื่อแก่จะมีลักษณะคล้ายผลสตรอเบอรี่ จึงมีชื่อสามัญว่า Strawberry hedgehog ลักษณะการเจริญเติบโตของลำต้นก็แตกต่างกันบางชนิดมีต้นขึ้นอยู่รวมเป็นกลุ่มๆ ลำต้นตั้งตรงมีสันประมาณ 24 อัน บางชนิดก็มีลำต้นอ่อนนุ่ม ทอดเลื้อย มีสันประมาณ 4-6 อัน
แคคตัสสกุล Echinocereus มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา ทางตอนเหนือและทางตะวันตกของเม็กซิโก ส่วนพวก Echinocereus triglochidiatus และ Echinocereus viridiflorus นั้นมีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณที่ราบสูงตอนเหนือของอเมริกา ซึ่งเป็นบริเวณที่มีหิมะปกคลุม แคคตัสในสกุลนี้ส่วนใหญ่จะปลูกเลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ดและการตัดแยก โดยส่วนใหญ่รากจะงอกภายในเวลา 2-3 สัปดาห์ ชอบดินทรายที่มีธาตุอุดมสมบูรณ์
กลุ่ม Echinocereus มีลักษณะต้นเป็นรูปทรงกระบอก มักออกเป็นกอ เป็นแคคตัสที่ให้ดอกใหญ่ราว 5-7 เซนติเมตร ดอกมีสีสวย กลีบดอกสวย มักออกดอกในฤดูร้อน ดอกบานได้ประมาณ 2 วัน สีดอกมีทั้งสีชมพูเหลือบเหลือง เช่น สายพันธุ์ Echinocereus fendleri , Echinocereus fitchii, Echinocereus engelmannii เป็นต้น และสีแดงส้มเหลือบเหลือง เช่นสายพันธุ์ Echinocereus triglochidiatus var. pavcispinus เป็นต้น
สกุล Melocactus แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่มากกว่า 60 ชนิด ชื่อสกุล Melocactus มาจากภาษากรีกว่า Melos (Melon) หมายถึงรูปทรงของต้นที่เป็นทรงกลมแป้นหรือทรงกระบอก มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ หรืขึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อต้นเจริญเติบโตเต็มที่จนถึงระยะผลิดอกออกผลจะเกิดปุยนุ่มที่เรียกว่า cephalium ที่บริเวณยอดของต้น ซึ่งดอกและผลก็จะเกิดขึ้นในบริเวณนี้ด้วยเช่นกัน
แคคตัสในสกุลนี้มีลำต้นสูงประมาณ 15-100 เซนติเมตร และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10-20 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง เป็นสันประมาณ 9-20 สัน มีตุ่มหนามรูปไข่ขนาด 2.5 เซนติเมตร ประกอบไปด้วยหนามข้างที่มีลักษณะโค้งงอ แนบขนานไปกับลำต้น ประมาณ 8-15 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 1.25-7.5 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางยื่นตรงออกมาจากลำต้น มีอยู่ประมาณ 1-5 อัน และยาว 2-9 เซนติเมตร ทั้งหนามกลางและหนามข้างแข็งแรงมาก ยกเว้นชนิดที่มีหนามสั้น ซึ่งหนามมักอ่อนและละเอียด สีหนามมีหลายสีด้วยกัน เช่น สีขาว สีน้ำตาลออกแดงๆ และดำ บริเวณ cephalium มีขนาดยาวประมาณ 1.25-3.75 เซนติเมตร โดยความยาวของดอกซ่อนอยู่ใน cephalium ผลมีลักษณะยาวเป็นทรงไม้พลอง ยาวมากกว่า 2.5 เซนติเมตร เมื่อแก่จะมีสีชมพูถึงสีแดงแจ่มจ้า บางครั้งผลก็จะจมอยู่ใน cephalium ไม่ปรากฏออกมาให้เห็น
แคคตัสในสกุล Melocactus พบมากที่สุดในบริเวณตอนใต้ของหมู่เกาะเวส์อินดีส ทางตอนใต้ของเม็กซิโก อเมริกา และบราซิล ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในหลายพื้นที่ และหลายสภาพแวดล้อม จะใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี ต้นถึงจะสร้าง cephalium แต่ถ้าชนิดที่ต้นมีขนาดเล็กอาจจะใช้เวลามากกว่านั้น ในช่วงฤดูร้อนมีความต้องการน้ำมาก แต่ควรงดให้น้ำในฤดูหนาว
|
|