เรื่องล่าสุด
-
สกุล Astrophytum
กันยายน 16, 2025
-
ขั้นตอนการเพาะเมล็ด 2
กันยายน 16, 2025
-
สกุล Espostoa
กันยายน 15, 2025
-
สกุล Parodia
กันยายน 15, 2025
-
ความเป็นมาของแคคตัส
กันยายน 14, 2025
-
การให้น้ำแคคตัส
กันยายน 14, 2025
-
โรคทางกายภาพ
กันยายน 13, 2025
-
กลุ่ม Mammillaria
กันยายน 13, 2025
-
สกุล Rhipsalis
กันยายน 12, 2025
-
กลุ่ม Echinocactus
กันยายน 12, 2025
|

กลุ่ม Lobivia สำหรับกลุ่มนี้มีลักษณะลำต้นเป็นทรงกลม ขรุขระ ขนาดไม่ใหญ่มากนัก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-15 เซนติเมตร มีหนามแหลมเล็กจำนวนมากแผ่ออกโดยรอบ มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน เช่น Lobivia aurea, Lobivia cinnabarina , Lobivia jajoiana , Lobivia maximiliana var. corbula , Lobivia haageana , Lobavia minuta , Lobivia huascha var. rubra , Lobivia drijveriana , Lobivia acanthoplegma var. leucantha , Lobivia wrightianan , Lobivia famatimensis เป็นต้น

สกุล Echinocereus แคคตัสสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 100 กว่าชนิด และมีอีกหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Echinocereus มาจากภาษากรีกว่า Echinus หมายถึง เม่น และภาษาละตินว่า Cereus หมายถึง เทียนขี้ผึ้ง แคคตัสบางชนิดในสกุลนี้มีชื่อสามัญว่า Hedgehog Cactus
แคคตัสในสกุล Echinocereus นี้มีดอกสวยงามมากที่สุด สามารถแบ่งกลุ่มได้หลากหลายสายพันธุ์ตามลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เช่น Echinocereus viridiflorus มีลักษณะลำต้นตั้งตรง ขนาดเล็ก ออกดอกขนาดเล็กสีเขียว Echinocereus subinermis จะออกดอกขนาดใหญ่สีเหลือง Echinocereus gentryi มีหลอดดอกยาว Echinocereus reichenbachii มีลำต้นแคบเล็กและหนามรูปหวี ดอกมีขนาดใหญ่ Echinocereus longisetus มีหนามยาวหนาแน่นและดอกมีขนาดใหญ่ Echinocereus triglochidiatus มีลักษณะเป็นต้นเลื้อย ขนาดใหญ่ มีหนามแข็งแรง ส่วนดอกคล้ายเคลือบด้วยขี้ผึ้ง และบานได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ส่วนใหญ่ดอกมักจะเกิดที่ตุ่มข้างของต้น แต่มีอยู่ 2-3 ชนิดที่มีดอกใกล้ตุ่มหนาม แคคตัสสกุล Echinocereus ส่วนใหญ่มักจะออกดอกขนาดใหญ่ แต่บางชนิดก็มีดอกขนาดเล็ก เวลาบานดอกจะเปิดกว้างออก หลอดดอกและผลจะปกคลุมไปด้วยหนาม กลีบดอกและหลอดเกสรตัวเมียจะยื่นออกมาเห็นได้ชัด บริเวณกลางดอกผลจะมีหนามปกคลุมอยู่มาก และเมื่อแก่จะมีลักษณะคล้ายผลสตรอเบอรี่ จึงมีชื่อสามัญว่า Strawberry hedgehog ลักษณะการเจริญเติบโตของลำต้นก็แตกต่างกันบางชนิดมีต้นขึ้นอยู่รวมเป็นกลุ่มๆ ลำต้นตั้งตรงมีสันประมาณ 24 อัน บางชนิดก็มีลำต้นอ่อนนุ่ม ทอดเลื้อย มีสันประมาณ 4-6 อัน
แคคตัสสกุล Echinocereus มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา ทางตอนเหนือและทางตะวันตกของเม็กซิโก ส่วนพวก Echinocereus triglochidiatus และ Echinocereus viridiflorus นั้นมีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณที่ราบสูงตอนเหนือของอเมริกา ซึ่งเป็นบริเวณที่มีหิมะปกคลุม แคคตัสในสกุลนี้ส่วนใหญ่จะปลูกเลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ดและการตัดแยก โดยส่วนใหญ่รากจะงอกภายในเวลา 2-3 สัปดาห์ ชอบดินทรายที่มีธาตุอุดมสมบูรณ์

กลุ่ม Echinocereus มีลักษณะต้นเป็นรูปทรงกระบอก มักออกเป็นกอ เป็นแคคตัสที่ให้ดอกใหญ่ราว 5-7 เซนติเมตร ดอกมีสีสวย กลีบดอกสวย มักออกดอกในฤดูร้อน ดอกบานได้ประมาณ 2 วัน สีดอกมีทั้งสีชมพูเหลือบเหลือง เช่น สายพันธุ์ Echinocereus fendleri , Echinocereus fitchii, Echinocereus engelmannii เป็นต้น และสีแดงส้มเหลือบเหลือง เช่นสายพันธุ์ Echinocereus triglochidiatus var. pavcispinus เป็นต้น

สกุล Melocactus แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่มากกว่า 60 ชนิด ชื่อสกุล Melocactus มาจากภาษากรีกว่า Melos (Melon) หมายถึงรูปทรงของต้นที่เป็นทรงกลมแป้นหรือทรงกระบอก มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ หรืขึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อต้นเจริญเติบโตเต็มที่จนถึงระยะผลิดอกออกผลจะเกิดปุยนุ่มที่เรียกว่า cephalium ที่บริเวณยอดของต้น ซึ่งดอกและผลก็จะเกิดขึ้นในบริเวณนี้ด้วยเช่นกัน
แคคตัสในสกุลนี้มีลำต้นสูงประมาณ 15-100 เซนติเมตร และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10-20 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง เป็นสันประมาณ 9-20 สัน มีตุ่มหนามรูปไข่ขนาด 2.5 เซนติเมตร ประกอบไปด้วยหนามข้างที่มีลักษณะโค้งงอ แนบขนานไปกับลำต้น ประมาณ 8-15 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 1.25-7.5 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางยื่นตรงออกมาจากลำต้น มีอยู่ประมาณ 1-5 อัน และยาว 2-9 เซนติเมตร ทั้งหนามกลางและหนามข้างแข็งแรงมาก ยกเว้นชนิดที่มีหนามสั้น ซึ่งหนามมักอ่อนและละเอียด สีหนามมีหลายสีด้วยกัน เช่น สีขาว สีน้ำตาลออกแดงๆ และดำ บริเวณ cephalium มีขนาดยาวประมาณ 1.25-3.75 เซนติเมตร โดยความยาวของดอกซ่อนอยู่ใน cephalium ผลมีลักษณะยาวเป็นทรงไม้พลอง ยาวมากกว่า 2.5 เซนติเมตร เมื่อแก่จะมีสีชมพูถึงสีแดงแจ่มจ้า บางครั้งผลก็จะจมอยู่ใน cephalium ไม่ปรากฏออกมาให้เห็น
แคคตัสในสกุล Melocactus พบมากที่สุดในบริเวณตอนใต้ของหมู่เกาะเวส์อินดีส ทางตอนใต้ของเม็กซิโก อเมริกา และบราซิล ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในหลายพื้นที่ และหลายสภาพแวดล้อม จะใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี ต้นถึงจะสร้าง cephalium แต่ถ้าชนิดที่ต้นมีขนาดเล็กอาจจะใช้เวลามากกว่านั้น ในช่วงฤดูร้อนมีความต้องการน้ำมาก แต่ควรงดให้น้ำในฤดูหนาว

สกุล Sulcorebutia แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 40 ชนิดและอีกหลากหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Sulcorebutia มาจากภาษาละตินว่า sulcus ซึ่งหมายถึง ร่องหรือรอบ แคคตัสในสกุลนี้มีลักษณะคล้ายกับสกุล Rebutia ต่างกันตรงที่ตุ่มหนามจะแคบและยาวกว่า มักจะขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ หรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ลำต้นมีลักษณะทรงกลม เป็นสันชัดเจน มีหลายสี เช่น สีเขียว สีออกแดง หรือสีเทาอมกำ หนามมมีลักษณะเป็นรูปหวี ไม่มีหนามกลาง
ดอกมีลักษณะคล้ายกับสกุล Rebutia เกิดที่บริเวณโคนต้น กลีบดอกมีผิวมันคล้ายเคลือบด้วยขี้ผึ้ง ในบางชนิดกลีบดอกอาจจะมี 2 สี ปกกัน ผลมีลักษณะทรงกลมหรือเป็นรูปขอบขนาน ผิวเรียบหรือมีเกล็ดปกคลุมเล็กน้อย
แคคตัสในสกุล Sulcorebutia มีถิ่นกำเนิดอยู่ในโบลิเวีย พบมากตามภูเขาสูง เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีแร่ธาตุ อุดมสมบูรณ์ ออกดอกเกือบตลอดทั้งปี
|
|