เรื่องล่าสุด
-
สกุล Uebelmannia
เมษายน 19, 2025
-
ดินปลูกสำหรับแคคตัส
เมษายน 18, 2025
-
สกุล Ferocactus
เมษายน 18, 2025
-
สกุล Dolichothle
เมษายน 17, 2025
-
สกุล Aztekium
เมษายน 17, 2025
-
สกุล Corypantha
เมษายน 16, 2025
-
สกุล Lophocereus
เมษายน 16, 2025
-
กลุ่ม Hylocereus
เมษายน 16, 2025
-
ส่วนประกอบของแคคตัส
เมษายน 15, 2025
-
การจำแนกสายพันธุ์ของแคคตัส
เมษายน 15, 2025
|

สกุล Corypantha แคคตัสในกลุ่มนี้ประกอบดไปด้วย 70 ชนิดและหลายสายพันธุ์ ชื่อ Corypantha มาจากภาษากรีก หมายถึง “ยอด” และ “ดอก” รวมแล้วหมายถึง ตำแหน่งการออกดอกบนต้น ทรงต้นมีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งที่เป็นทรงกลมขนาดใหญ่และเล็ก ทรงกระบอก ทรงแท่งเล็ก ความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร อาจพบขึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือเป็นต้นเดี่ยวๆ กลุ่มที่มีอายุหลายปีอาจจะมีอยู่รวมกันถึง 50 หัวหรืออาจจะมากกว่านั้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอาจยาวถึง 65 เซนติเมตร เช่น Corypantha recurvata ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของรัฐอริโซนา พบว่ามีถึง 200 หัว ตุ่มหนามมีลักษณะทรงกลมหรือรูปไข่ ประกอบด้วยหนาม 30 อัน ในลักษณะกระจาย หนามยาว 2.5 เซนติเมตร และมีหนามกลาง 4 อัน ซึ่งบางอันมีรูปร่างคล้ายตะขอ
ดอกมีลักษณะทรงกรวย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.25-5 เซนติเมตร มีสีสันมากมายหลากหลายตั้งแต่สีเหลือง สีชมพู สีส้มจนไปถึงสีม่วงแดง บางชนิดกลีบดอกจะมีลักษณะเป็นรอยหยักเล็กๆ ที่ปลายกลีบ ผลมีลักษณะเป็นรูปไข่ขนาดเล็ก ยาวถึ 5 เซนติเมตร เมื่อแก่จะเป็นสีเขียวจนถึงโทนสีแดง
แคคตัสสกุล Corypantha นี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในหลายแห่ง ทั้งทางเหนือสุดของรัฐอัลเบอร์ต้าในแคนาดา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา และในเม็กซิโก พบได้ที่ระดับความสูง 2,000 เมตร บางชนิด เช่น Corypantha vivipara นั้น พบได้ในหลายสภาพพื้นที่ เช่น ทางตอนเหนือที่อากาศหนาวของรัฐอัลเบอร์ต้าในเขตทุ่งหญ้า และบริเวณป่า
แคคตะสในสกุลนี้ปลูกเลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ได้ทั้งเพาะเมล็ดและตัดแยก บางครั้งก็พบวาหัวที่งอกใหม่นั้นมักมีรากงอกติดอยู่ด้วย ในฤดูร้อนและฤดูฝนจะชอบน้ำมาก แต่ถ้างดให้น้ำในฤดูหนาวจะช่วยให้ทนต่ออุณหภูมิต่ำได้

ชื่อสกุล Lophocereus มาจากคำว่า lophos ซึ่งหมายถึง ยอดของต้นที่ประกอบไปด้วยขนสั้นและแข็ง ต้นมีลักษณะทรงกระบอก สีเขียวสด เป็นมัน แตกกิ่งก้านได้อย่างอิสระ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร และสามารถสูงได้ถึง 10 เมตร ลำตันเป็นเป็นสัน มีประมาณ 5-15 สัน ตุ่มหนามมีลักษณะทรงกลม ซึ่งตุ่มหนามบริเวณตอนบนของต้นที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้วพร้อมออกดอกจะมีขนาดใหญ่กว่าต้นที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ตุ่มหนามประกอบไปด้วยหนามข้าง 5-10 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร และมีหนามกลาง 1-5 อัน แต่สำหรับต้นที่เจริญเติบโตเต็มที่จะประกอบไปด้วยหามสั้นและแข็ง ประมาณ 25-50 อัน ซึ่งสามารถยาวได้ถึง 2.5-6 เซนติเมตร
ดอกมีลักษณะทรงกรวย สีขาวหรือสีชมพู ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 เซนติเมตร ผลมีลักษณะทรงกลม เมื่อผลสุกจะเป็นสีแดง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.25 เซนติเมตร
แคคตัสสกุล Lophocereus มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก และทางตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา ขยายพันธุ์ได้ง่ายทั้งโดยการเพาะเมล้ดและปักชำ ถ้าเพาะต้นจากเมล็ดจะใช้เวลา 6-7 ปี ต้นถึงจะออกดอกได้ แคคตัสในสกุลนี้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทีมีระบบระบายน้ำดี และมีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์

กลุ่ม Hylocereus แคคตัสกลุ่มนี้เป็นชนิดเลื่อย มีลักษณะคล้ายกับกลุ่ม Cereus แต่จัดเป็นพืชพวก epiphytic (พืชที่ดำรงชีวิตอยู่โดยอาศัยพืชอื่น แต่ไม่ทำอันตรายหรือแย่งอาหารพืชที่อาศัยอยู่) มีระบบรากอากาศ (aerial roots) เป็นพืชที่ต้องการแสงและอุณหภูมิสูง ลำต้นของแคคตัสกลุ่มนี้มีลักษณะเป็นสัน หนามค่อนข้างอ่อนแอ ดอกออกในฤดูร้อน ดอกมีสีขาว แดง และชมพู
แคคตัสกลุ่มนี้มีอยู่มากมายหลายสกุล ได้แก่ Aporocactus , Crytocereus , Deamia, Disocactus , Epiphyllum , Heliocereus , Hylocereus , Mediocactus , Nopalxochia , Pfeiffera , Rhipsalidopsis , Rhipsalis , Schenicereus , Weberocereus , Wittia และ Zygocactus มีหลายสายพันธุ์ เช่น Hylocereus minutiflorus , Hylocereus undatus (Queen of night) เป็นต้น

ส่วนประกอบของแคคตัส แคคตัสส่วนใหญ่จะมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันออกไปมากมาย เช่น ทรงกลม ทรงกระบอก มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ และขึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ขนาดก็มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร สูงไม่เกิน 5 เมตร จนถึงต้นที่มีขนาดใหญ่ๆ ซึ่งจะสูงประมาณ 24-25 เมตร ส่วนประกอบอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายๆ กันคือ
- ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ ผิวลำต้นคล้ายเคลือบด้วยขี้ผึ้ง และมีส่วนประกอบที่เรียกว่าตุ่มหนาม
- ไม่มีใบที่แท้จริง เพราะใบลดรูปกลายเป็นหนาม ช่วยลดการคายของน้ำ ยกเว้นสกุล Pereskia ที่ยังคงมีใบที่แท้จริงให้เห็นอยู่และยังช่วยดูดเอาไอน้ำในอากาศมาเก็บไว้
- ดอกเป็นแบบไม่มีก้านดอก มักเกิดจากตาดอกที่บริเวณตุ่มหนาม ยกเว้นสกุล Echinocereus ซึ่งมีตาดอกเกิดที่ผิวต้นใกล้เนินหนามสกุล Mammillaria และ Coryphantha ซึ่งมีตาดอกเกิดระหว่างซอกเนินหนาม สกุล Melocactus , Iscocactus และ Cephalacereus ที่สามารถเกิดตาดอกขึ้นที่ส่วนยอดของต้น ซึ่งมีลักษณะเป็นปุยนุ่มสีขาวหรือสีครีม

การจำแนกสายพันธุ์ของแคคตัสเป็นกลุ่ม
แคคตัสจัดเป็นพืชในวงศ์ Cactaceae มีอยู่ทั่วโลกทั้งสิ้น 50-150 สกุลด้วยกัน หรือประมาณ 2,000 ชนิด ซึ่งแบ่งตามวิธีของ Gordon Rowley (หนังสือ The Illustrated Encyclopaedia of Succulents) ได้เป็นกลุ่มต่างๆ ดังนี้
- กลุ่ม Ario Carpus
- กลุ่ม Astrophytum
- กลุ่ม Cereus
- กลุ่ม Echinocactus
- กลุ่ม Echinocereus
- กลุ่ม Echinopsis
- กลุ่ม Epiphyllum
- กลุ่ม Hylocereus
- กลุ่ม Lobivia
- กลุ่ม Mammillaria
- กลุ่ม Melocactus
- กลุ่ม Neopoteria
- กลุ่ม Opuntia
- กลุ่ม Pereskia
- กลุ่ม Pilocereus
- กลุ่ม Rebutia
|
|