| 
		เรื่องล่าสุด
											
					การขยายพันธุ์แคคตัสโดยการตัดแยก
											ตุลาคม 31, 2025
									
					สกุล Ariocarpus
											ตุลาคม 31, 2025
									
					สกุล Discocactus
											ตุลาคม 30, 2025
									
					กลุ่ม Opuntia
											ตุลาคม 30, 2025
									
					กลุ่ม Echinopsis
											ตุลาคม 29, 2025
									
					ลักษณะหนามของแคคตัส
											ตุลาคม 29, 2025
									
					สกุล Thelocactus
											ตุลาคม 28, 2025
									
					กลุ่ม Rebutia
											ตุลาคม 28, 2025
									
					การขยายพันธุ์แคคตัสโดยการต่อยอด
											ตุลาคม 27, 2025
									
					สกุล Pilosocereus
											ตุลาคม 27, 2025
									 | 
										การขยายพันธุ์แคคตัสโดยการตัดแยก แคคตัสส่วนใหญ่สามารถแตกสาขาออกไปได้อย่างอิสระ ดังนั้นจึงเป็นการง่ายที่จะตัดส่วนที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ออกมาโดยใช้อุปกรณ์เพียงมีดคมเท่านั้น ซึ่งส่วนที่ถูกตัดแยกออกมาจากต้นนั้นเมื่อนำมาปลูกใหม่มักจะเกิดรากได้ง่าย เช่น สกุล Echiopsis , Epiphyllum , Opuntia , Zygocactus เป็นต้น การขยายพันธุ์แคคตัสด้วยวิธีนี้ควรทำในฤดูฝน เพราะสภาพอากาศเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต และควรตัดในบริเวณที่แคบที่สุด เมื่อตัดต้นกิ่ง หรือหัวย่อย ออกมาแล้ว ควรนำมาผึ่งจนกระทั่งรอยตัดแห้งดี เป็นเวลาประมาณ 10-14 วัน แต่ในกรณีที่เป็นชนิดที่มีลำต้นขนาดใหญ่และต้องตัดบริวเณที่กว้าง การจะปล่อยให้แห้งควรใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ หลังจากนั้นนำมาจุ่มในผงอะลูมิเนียม (aluminium powder) หรือฮอร์โมนเร่งราก (rooting hormones) เช่น NAA (Napthalene Acetic Acid เป็นสารสังเคราะห์ชนิดหนึ่งจัดอยู่ในกลุ่มออกซิน มีผลในการแบ่งเซลล์และเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์นิยมนำมาใช้เป็นสารชักนำให้เกิดราก) , IAA (Indole Acetic Acid: เป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตในกลุ่มออกซิน ที่พืชสร้างขึ้นเองโดยธรรมชาติ มีผลในการแบ่งเซลล์) , IBA (Indole Butaris Acid: เป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตในกลุ่มออกซิน มีผลในการแบ่งเซลล์ นิยมนำมาใช้เป็นสารชักนำให้เกิดราก) เพื่อช่วยในการป้องกันเชื้อโรค แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งฮอร์โมนก็ไม่มีผลอะไรต่อแคคตัสมากนัก จะใช้ได้ผลดี ก็สำหรับชนิดที่แตกรากช้าเท่านั้น  เมื่อเตรียมต้นที่ตัดแยกออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนำมาลงชำ หรือเพราะในวัสดุปลูกที่มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำดี แต่ต้องสามารถเก็บความชื้นได้สม่ำเสมอ ส่วนมากเราจึงมักปักส่วนที่ตัดแยกออกมาลงในทรายซึ่งผสมกับดินปุ๋ยโดยให้มีส่วนผสมของทรายมากกว่า จากนั้นควรวางกระถาง ไว้ในที่ที่ร่มเงา อากาศถ่ายเทและอบอุ่น เมื่อรากใหม่งอกแล้วควรรดน้ำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์  
										
 สกุล Ariocarpus มีอยู่ด้ยกันทั้งหมด 8 ชนิดกับอีก 2-3 สายพันธุ์ ชื่อสกุล Ariocarpus มาจากคำว่า Aria ซึ่งหมายถึงผลของแคคตัสสกุลนี้นั้นเอง ลักษณะของแคคตัสสกุลนี้ส่วนใหญ่จะมีลำต้นขนาดเล็ก (เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5-15 เซนติเมตร) มักจะขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ หรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ต้นอาจจะเตี้ยจนมีผิวด้านบนเสมอกับพื้นดิน แคคตัสสกุล Ariocarpus นี้บางชนิดจะมีเนินหนามซึ่งอาจะยาวได้ถึง 5 เซนติเมตร เช่น Ariocarpus tri gonus บางชนิดก็มีขนเป็นปุยนุ่มอยู่บนที่ซอกเนินหนามซึ่งเป็นบริเวณที่ออกดอกแต่จะมีบางชนิดที่จะออกดอกบริเวณยอดของต้น ดอกมีลักษณะเป็นรูปกรวย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-5 เซนติเมตร ดอกมักจะมีสีขาว หรือมีสีครีม มีบางชนิด เช่น Ariocarpus kotschoubeyanus มีดอกสีชมพูหรือสีม่วงแดง ผลมีลักษณะเป็นทรงกระบอก ยาวประมาณ 1.25-2.5 เซนติเมตร  แคคตัสสกุล Ariocarpus มีถิ่นกำเนินอยู่บนทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโกและทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอเมริกา แคคตัสกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีการเจริญเติบโตช้ากว่าแคคตัสสกุลอื่นๆ และจะเจริญเติบโตได้ดีตามหินหรือทรายที่สามารถระบายน้ำได้ ทนแสงแดดจัดๆ ได้ดี 
										
 สกุล Discocactus แคคตัสสกุลนี้มีอยู่ไม่เกิน 20 ชนิด เจริญเติบโตช้า มักขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ ทรงกลมแป้น เมื่อต้นมีอายุมากขึ้นอาจะจะแตกหน่อ หรือกิ่งก้านได้ ต้นมีหลายสี ตั้งแต่สีเขียวอ่อน สีเขียวอมน้ำตาล และสีม่วงเข้ม ต้นเป็นสัน 10-25 สัน และมีตุ่มหนามเป็นปุยนุม ประกอบด้วยหนามข้าง 5-20 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 3 เซนติเมตร และมักอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และหนามกลาง 1 อัน ซึ่งยาวถึง 8 เซนติเมตร หนามทั้ง 2 ชนิด สามารถจำแนกออกจากกันได้อย่างชัดเจน หนามมีหลายสี ตั้งแต่สีขาว สีเหลือง สีน้ำตาล จนถึงสีดำ  แคคตัสสกุล Discocactus มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบราซิล โบลิเวีย และปารากวัย การนำต้นไปเพาะเลี้ยงที่อื่นนอกถิ่นกำเนิดนั้นมักจะนิยมเพาะต้นจากเมล็ดมากกว่านำต้นที่โตแล้วไปเลี้ยง เพราะต้นจะตายได้ง่าย แคคตัสสกุลนี้เจริญเติบโตได้ดีในดินทรายที่มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ บางครั้งอาจะจะใช้ดินผสมก็ได้ แต่ต้องมีการระบายน้ำที่ดี ต้นไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเชียสได้  
										
 กลุ่ม Opuntia กลุ่มนี้เป็ยกลุ่มที่มีอยู่มากมายหลายสกุลด้วยกัน ลักษณะรูปทรงส่วนใหญ่ของทรงต้นมีความแตกต่างกันออกไปหลายรูปแบบ เป็นแคคตัสที่ให้ดอกสีด้วย ทั้งสีขาว สีเหลือง สีส้ม และสีแดง มีใบขนาดเล็ก มี giochids (เมล็ดมีปีก) และมี aril (เยื่อหุ้มเมล็ด) แบ่งออกเป็นสกุล Opuntia , Oereshiopsis , Pterocactus , Quiabentia และ Tacinga มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ Opuntia durangensis , Opuntia ammophila , Opuntia bergeriana , Opuntia microdasys fa. albo เป็นต้น 
										
 กลุ่ม Echinopsis มีลักษณะคล้ายกับกลุ่ม Cereus แต่ลำต้นมีขนาดเล็กกว่า ดอกมีลักษณะเป็นหลอด และผิวด้านนอกของดอกมักมีขนหรือเกล็ดสั้นๆ ปกคลุมอยู่ แคคตัสกลุ่มนี้แบ่งออกเป็นหลายสกุลด้วยกันได้แก่ Acanthocalycium , Arequipa , Arthrocereus , Borzicactus , Cephalocleistocactus , Chamaecereus , Cleistocactus , Denmoza , Echinopsis , Espostoa , Haageocereus , Hildewintera , Lobivia , Matuacana , Mila , Oreocereus , Oroya , Rebutia , Soehrensai , Sulcorebutia , Thrizanthocereus , Weberbauerocereus และ Weingartia |  |