เรื่องล่าสุด

หมวดหมู่

ความเป็นมาของแคคตัส

ต้นตระกูลของแคคตัสเริ่มในช่วงยุค Mesozonic และช่วงต้นของยุค Teriaary ซึ่งเป็นยุคที่พืชมีดอกมีการพัฒนามากที่สุด แต่เดิมนั้นแคคตัสมีลักษณะที่ไม่แตกต่างจากพืชชนิดอื่นๆ เท่าไรนัก ยังคงมีใบที่แท้จริงและมีทรงต้นเหมือนๆ กับพืชชนิดอื่น แต่ด้วยเหตุผลที่ต้องเผชิญกับอากาศและสภาพแวดล้อมต่างๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่มีปริมาณน้ำฝนลดลงและอากาศที่ร้อนแห้ง จึงส่งผลกระทบต่อพืชในแถบนี้ที่ได้รับแสงอาทิตย์โดยตรง จึงต้องมีการพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศเพื่อให้สามารถต้านทานต่อสภาพแวดล้อมเช่นนี้ให้ได้ จึงมีการเก็บสะสมน้ำจำนวนมากไว้ที่ลำต้น ทำให้ลำต้นมีลักษณะอวบอ้วนและสั้นลง

แคคตัสเป็นพืชพื้นเมืองที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกา มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังแหล่งอื่นๆ ด้วยวิธีการต่างๆ กัน เช่น แคคตัสสกุล Rhipsalis แพร่พันธุ์อยู่ในแอฟริกาและอินเดียโดยนก หรือแคคตัสสกุล Opuntia ซึ่งมีผู้นำเข้าไปปลูกเลี้ยงในทวีปยุโรป เป็นต้น

สำหรับในประเทศไทยเอง ไม่ได้มีการบันทึกประวัติไว้อย่างแน่ชัดว่ามีการนำเข้าแคคตัสเข้ามาปลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะยาวนานกว่า 30 ปีมาแล้ว โดยในสมัยก่อนมีแคคตัสเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่าไร อย่างเช่น ใบเสมอ หรือโบตั๋น เป็นต้น

การให้น้ำแคคตัส

แคคตัสเป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี แต่ไม่ต้องการการดูแลรักษามากนัก แต่ถ้าแคคตัสขาดน้ำ แม้จะไม่ตายเพราะในต้นมีน้ำเลี้ยง แต่ก็จะไม่เจริญเติบโตงอกงามเท่าที่ควร เพราะขาดน้ำที่เพียงพอ

วิธีการให้น้ำแคคตัสอย่างถูกต้อง คือ ไม่ควรรดน้ำทุกวัน ให้ดูที่สภาพของดินก่อน ถ้าดินเริ่มแห้งจึงจะรด อาจจะรดทุกๆ 2-3 วัน หรือไม่ควรถี่จนเกินไป หรือถี่แบบวันเว้นวัน ควรรดน้ำให้โชกถึงราก แต่ระวังอย่าให้น้ำขังหรือดินแฉะ เพราะจะทำให้แคคตัสเน่าหรือเป็นโรคตายได้

แคคตัสแต่ละพันธุ์มีความต้องการน้ำและความถี่ในการรดน้ำแตกต่างกันออกไป มีวิธีทดสอบได้อย่างง่ายๆ คือ การปักไม้แห้งเล็กๆ ลงไปให้ลึกถึงโคนกระถางในวันที่รดน้ำ จากนั้นให้คอยสังเกตว่าไม้ยังชื้นน้ำอยู่หรือไม่ หากไม้แห้งเมื่อใดก็แสดงว่าถึงเวลาให้น้ำครั้งต่อไปแล้ว เมื่อนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่รดน้ำครั้งแรกจนถึงวันที่ไม้ที่ปักแห้ง ก็จะได้ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรดน้ำให้แก่แคคตัสพันธุ์นั้นๆ

โรคทางกายภาพ

โรคทางกายภาพ เกิดจากสภาพการเลี้ยงที่ไม่ถูกต้อง มีหลายอาการ เช่น 1. ยอดต้นเริ่มเปลี่ยนสี ยุบและเน่าในทันที เกิดจากการให้น้ำมาเกินไป โดยเฉพาะในฤดูหนาวซึ่งมีอุณหภูมิต่ำ พบมากในสกุล mammillaria 2. ต้นไม่เจริญเติบโต เกิดจาการให้น้ำมากเกินไป ดินอัดแน่นจนเกินป หรือรากเน่า แก้ไขได้โดยการเปลี่ยนดินใหม่โดยให้ใช้ดินผสมและควรปรับปรุงการให้น้ำ 3. ลำต้นหรือใบเหลือง เกิดจากการที่ต้นได้รับความร้อนหรือแห้งจนเกินไป แก้ไขได้โดยการเปลี่ยนระบบระบายอากาศและความชื้น 4. ลำต้นหรือใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเกิดจากการที่ดินมีฤทธิ์เป็นด่าง และขาดธาตุเหล็ก แก้ไขได้โดยตรวจสอบความเป็นกรด-ด่าง ของดิน และควรเติมธาตุเหล็กลงในดิน 5. ต้นมีสีซีดจาง เกิดจากรากเป็นแผล แก้ไขโดยการตัดรากที่ตายหรือถูกทำลายนั้นทิ้งไป และเปลี่ยนกระถางใหม่ 6. ต้นมีลักษณะยืดยาว เกิดจากการที่ได้รับแสงไม่เพียงพอ แก้ไขโดยการย้ายกระถางไปตั้งในที่มีแสงสว่างเพียงพอ 7. ตาดอกไม่ผลิดอกเกิดจากการที่สภาพแวดล้อมมีอุณหภูมิต่ำ หรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แก้ไขโดยการย้ายกระถางไปตั้งในที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมหรือสูงขึ้น 8. ดอกน้อยหรือดอกไม่บาน เกิดจากการที่ต้นไม้ได้รับธาตุไนโตรเจนมากจนเกินไปหรือไม่ได้พักตัวในช่วงฤดูหนาว แก้ไขโดยการให้ธาตุไนโตรเจนน้อยลง เพิ่มธาตุฟอสฟอรัส และควรให้พืชได้พักตัวในช่วงฤดูหนาว 9. ต้นอ่อนนุ่ม เกิดจากการที่สภาพแวดล้อมมีความชื้นสูงจนเกินไป และมีอุณหภูมิต่ำ แก้ไขโดยการลดความชื้น ตัดส่วนที่อ่อนนุ่มทิ้งไป และใช้ยากันราโรย 10. […]

กลุ่ม Mammillaria

กลุ่ม Mammillaria เป็นกลุ่มที่มีอยู่มากมาย มากถึง 200 ชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดนั้นก็มีลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป อาจจะเป็นได้ทั้งต้นเดี่ยว หรือเป็นแบบพุ่มกอ มีหนวดดกแหลมคม คล้ายกับเข็ม หนามมีลักษณะคล้ายกับเส้นผม ลำต้นสูงไม่มากนัก ประมาณ 8-10 ฟุต สำหรับสกุลนี้รู้จักกันดี ได้แก่ Mammillaria และ Neolloydia มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน เช่น Memmillaria zeilmanniana , Mammillaria wildii, Mammillaria rhodantha , Mammillaria microhelia , Memmillaria martinezii , Memmillaria pringleim , Memmillaria thereae, Memmillaria candida , Memmillaria solisii , Memmillaria tolimensis , Memmillaria autihamata เป็นต้น

[…]

สกุล Rhipsalis

สกุล Rhipsalis แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่มากกว่า 60 ชนิดและอีกหลากหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Rhipsalis มาจากภาษากรีก หมายถึง การทำงานของเครื่องจักรสาน ซึ่งหมายถึงทรงต้นที่มีกิ่งก้านเล็ก ผอมและอ่อน แคคตัสในสกุลนี้เป็นพืชจำพวก epiphytic แตกกิ่งก้านได้อย่างอิสระและมักจะห้อยย้อยลงมา อาจพบว่ายาวได้ถึง 0.3-2 เมตร ลำต้นมีหลายรูปร่างลักษณะ เช่น ผอมเล็ก อ้วนกลม เป็นทรงกระบอก หรือเป็นสี่เหลี่ยม สีลำต้นก็มีหลายสีตั้งแต่สีเขียวอมเหลืองจนไปถึงสีเขียวเข้ม ตุ่มหนามมีขนาดเล็ก บริเวณใกล้ตุ่มหนามมีสีแดงเรื่อๆ อยู่ด้วย อาจจะมีหนามหรือไม่มีก็ได้ บางครั้งอาจจะพบเป็นขนแข็งสั้นๆ หรือขนที่มีลักษณะคล้ายเส้นผม

ดอกมีขนาดเล็ก เกิดในบริเวณตุ่มหนาม 1 ดอกต่อ 1 ตุ่มหนามและสามารถเกิดได้พร้อมกันหลายๆ ดอก มีหลายสี เช่น สีขาว สีออกเหลืองๆ สีชมพู สีม่วง ผลมีเนื้อนุ่ม เมื่อสุกจะเป็นสีขาวจนถึงสีม่วง

แคคตัสในสกุล Rhipsalis มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบเม็กซิโก หมู่เกาะเวสต์อินดีส และแถบอเมริกาใต้ แต่บางชนิดพบได้แถวๆ ตะวันออกของแอฟริา […]