เรื่องล่าสุด
-
สกุล Echinofossulocactus
ธันวาคม 5, 2025
-
โรคจากแมลง
ธันวาคม 5, 2025
-
สกุล Obregonia
ธันวาคม 5, 2025
-
สกุล Cephalocereua
ธันวาคม 4, 2025
-
โรคจากเชื้อโรค
ธันวาคม 4, 2025
-
สกุล Cleistocactus
ธันวาคม 3, 2025
-
สกุล Rebutia
ธันวาคม 3, 2025
-
สกุล Weingartia
ธันวาคม 2, 2025
-
การเพาะเมล็ด
ธันวาคม 2, 2025
-
สกุล Mammillaria
ธันวาคม 1, 2025
|

ลักษณะทั่วไปของแคคตัส โดยปกตินั้นคนส่วนใหญ่จะคิดว่าแคคตัสหรือต้นไม้ที่มีหนามแต่ในความเป็นจริงแล้ว แคคตัสบางสกุลอย่าง Lophophora หรือ แคคตัสสกุล Astrophytum บางชนิดนั้นก็ไม่มีหนามเลย ในขณะที่ไม้อวบน้ำบางสกุลอย่าง Euphorbia ก็มีหนาม แต่ไม่จัดว่าเป็นแคคตัส
ตามหลักพฤกษศาสตร์ได้พูดเอาไว้ว่าพืชที่จัดว่าเป็นแคคตัสหรือจัดอยู่ในวงศ์ Cactaceae นั้น เป็นไม้ยืนต้นและต้องมีบริเวณที่เรียกว่าตุ่มหนาม บริเวณดังกล่าวจะเป็นที่พบกลุ่มของหนามหรือขนแข็งขึ้นอยู่ และเรียงไปตามแนวซี่ หรือสันสูงของต้นอย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งยังเป็นบริเวณที่เกิดตาดอกและแตกกิ่งใหม่ของต้นอีกด้วย นอกจากนี้ดอกจะมีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกแยกกัน รังไข่จะอยู่ต่ำกว่าส่วนอื่นๆ ถ้านอกเหนือจากนี้ เช่น ไม่พบตุ่มหนาม หนามขั้นแต่ไม่เป็นระเบียบ ขึ้นอยู่กระจายๆ รอบๆ ต้น ดอกไม้ทั้งกลีบเลี้ยงและกลีบดอก หรือรังไข่อยู่เหนือส่วนอื่นๆ ไม่จัดว่าเป็นแคคตัสทั้งหมด
สำหรับเพื่อนๆ คนที่ไหนที่กำลังสงสัย ก็ลองเอากระบองเพชร หรือน้องแคคตัสมาลองเช็คดูกันได้ว่า ใช่แคคตัสจริงๆ รึป่าว…

สกุล Stetsonia แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่เพียงชนิดเดียวเท่านั้น คือ Stetsonia coryne ลักษณะรูปร่างของต้นเป็นทรงกระบอก แตกกิ่งก้านได้อย่างอิสระ ต้นที่มีอายุมากๆ จะพบว่าสามารถแตกกิ่งก้านได้มากกว่า 100 กิ่ง และสามารถสูงได้ถึง 8 เมตร ส่วนโคนต้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 เซนติเมตร ลำต้นค่อนข้างแข็ง เป็นสันสีเขียวถึงสีเขียวอมฟ้า 8-9 สัน ตุ่มหนามมีสีขาว วางอยู่ห่างกัน ประกอบด้วยหนามแข็ง 9 อัน ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร เมื่อยังอ่อนจะมีสีน้ำตาลออกเหลือง และเมื่อแก่ตัวขึ้นจะมีสีออกขาว ปลายสีดำ
ดอกมีสีขาว มีลักษณะโค้งเล็กน้อย หลอดดอกแคบ และมักจะบานตอนกลางคืน ขนาดยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ผลมีลักษณะทรงกลม ปกคลุมด้วยเกล็ดหนาแน่น เมื่อแก่จะมีสีแดงอมเขียว
แคคตัสในสกุล Stetsonia มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบที่ราบสูงทางตอนเหนือของอาร์เจนติน่า โบลิเวีย และสเตทโซเนีย ขยายพันธุ์ได้ง่ายโดยการเพาะเมล็ด แต่ถ้าความชื้นในบรรยากาศต่ำก็สามารถตัดแยกออกมาได้ ชอบดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ และควรงดให้น้ำในฤดูหนาว

สกุล Echinopsis แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 60 กว่าชนิดและอีกหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Echinopsis มาจากภาษากรีก หมายถึง เม่น ส่วนมากจะมีลักษณะกลมแป้นและจะเปลี่ยนเป็นทรงกระบอกเมื่อมีอายุมากขึ้น ลักษณะเป็นต้นตรง มักจะพบเป็นต้นเดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่ม มีแคคตัสในสกุลนี้อยู่ประมาณ 2-3 ชนิด ที่มีขนาดใหญ่ คือ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 35 เซนติเมตร และสูงถึง 70 เซนติเมตร ลำต้นเป็นสัน 8-30 สัน ตุ่มหนามมีลักษณะกลม เรียงอยู่ชิดติดกัน หรือห่างกันมากกว่า 2.5 เซนติเมตร มีหลายสี เช่น สีเทา สีขาว หรือสีน้ำตาล ประกอบไปด้วยหนามข้าง มีลักษณะตรงหรือโค้งงอ แผ่กระจายหรือแนบไปกับลำต้น มีอยู่ประมาณ 5-30 อัน ชนิดที่มีต้นขนาดใหญ่หนามข้างจะแข็งแรงยาวประมาณ 1.25-5 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางจะตั้งเด่นออกมาจากลำต้น ชนิดต้นเล็กหนามกลางจะเล็กและสั้น ส่วนชนิดที่มีต้นขนาดใหญ่จะยาวมากกว่า 2.5 เซนติเมตร มีอยู่มากกว่า 4 อัน สีหนามมีตั้งแต่สีขาว สีดำ สีเทา และสีน้ำตาล
ดอกมีลักษณะคล้ายกับทรัมเป็ต บางชนิดจะยาวถึง 20 เซนติเมตร พวกที่ดอกบานในตอนกลางคืนจะมีสีขาวและสีชมพูดซีด มักมีกลิ่นหอม ส่วนดอกที่บานในเวลากลางคืน ดอกจะมีสีเหลืองหรือสีแดง หลอดดอกปกคลุมไปด้วย ผลมีลักษณะเป็นทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.25-5 เซนติเมตร มีขนหรือหนามสั้นๆ ปกคลุม เมื่อแก่ตัวจะมีสีน่ำตาลปนเขียวหรือสีน้ำตาลแดงและมักจะแตกออก
แคคตัสสกุล Echinopsis มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนเหนือของอาร์เจนตินา ทางใต้ของบราซิล ปารากวัย และอุรุกวัย สามารถเจริญเติบโตได้ดีในหลายๆ พื้นที่ รวมทั้งพื้นที่สูงๆ ขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ดและตัดแยก โดยต้นใหม่ที่เกิดขึ้นมามักจะมีรากติดมาด้วย บางชนิดออกดอกได้ตั้งแต่อายุ 2-3 ปี ในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝนจะชอบน้ำมาก แต่ในฤดูหนาวควรงดให้น้ำ

สกุล Pereskia แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 25 ชนิด และอีก 2-3 สายพันธุ์ ชื่อสกุล Pereskia ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ N.CF.de Pieresc (พ.ศ. 2130-2180) แคคตัสในสกุล Pereskia ชนิดแรกที่ถูกนำเข้ามาในยุโรปในช่วงปลายศตวรรษที่ 26 ถูกค้นคว้าโดย Linnaeus ในปี พ.ศ. 2296 นั้นเรียกว่า Cactus pereskia หรือในปัจจุบันที่รู้จักกันในชื่อว่า Pereskia aculeata แคคตัสในสกุลนี้มีรูปร่างแตกต่างไปจากแคคตัสในสกุลอื่นๆ เช่น มีลักษณะเป็นพุ่มคล้ายพวกซัคคิวเลนท์ เป็นไม้เลื้อยหรืออาจจะเป็นไม้ยืนต้น มีการผลัดใบ และมีหนามที่บริเวณลำต้น เห็นได้ชัดเจน ชนิดที่เป็นพุ่มขนาดเล็กนั้นมักจะมีความสูงไม่เกิน 1 เมตร แต่ชนิดที่เป็นไม้เลื้อยหรือไม้ยืนต้นอาจจะมีความสูงได้ถึง 5-20 เมตรเลยทีเดียว
ดอกมีทั้งที่เป็นดอกเดี่ยวและอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ชนิดที่เป็นดอกเดี่ยวนั้นจะมีลักษณะคล้ายดอกกุหลาบ มีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลืองสว่าง สีม่วงแดง หรือสีแดงสด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-5 เซนติเมตร ผลมีลักษณะทรงกลม เมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองหรือสีแดงสด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-5 เซนติเมตร
แคคตัสสกุล Pereskia มีถิ่นกำเนิดอยู่ในหมู่เกาะเวสต์อินดีส ทางตอนกลางของอเมริกา ทางใต้สุดจนถึงทางเหนือของอาร์เจนตินา ปารากวัย และเปรู สามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ดและตัดชำ แคคตัสในสกุลนี้มีพืชในเขตร้อน จึงชอบอากาศอบอุ่น และน้ำอุดมสมบูรณ์ จึงจะสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และออกดอกได้ดี มีอยู่ 2-3 ชนิดที่สามารถเก็บให้อยู่ในระยะฟักตัวในฤดูหนาวได้

กลุ่ม Neopoteria ลักษณะลำต้นค่อนข้างเล็ก เป็นทรงกลม หรือทรงกระบอก มีลักษณะของสันต้นที่ชัดเจน ด้านโคนของหลอดดอกมีลักษณะเป็นปุยนุ่มและมีหนาม แบ่งออกได้หลายสกุล ได้แก่ Austrocactus , Blossfeldia , Eriosyce , Frailea , Neoporteria , Notocactus , Parodia , Uebelmannia และ Wigginsia
|
|