เรื่องล่าสุด

หมวดหมู่

สกุล Cleistocactus

Cleistocactus

สกุล Cleistocactus แคคตัสในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยแคคตัสมากกว่า 50 ชนิด และอีกหลากหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Cleistocactus มาจากภาษากรีก โดยหมายถึง Closed Cactus หรือการผสมพันธุ์ที่เกิดขึ้นภายในดอกที่หุบอยู่ (เรียกดอกประเภทนี้ว่า cleisotogamous flower) ลำต้นอาจมีลักษณะตั้งตรงหรือโค้งงอ รูปร่างเรียวสูง และจะแตกกิ่งก้านอย่างอิสระ พวกที่มีลำต้นตั้งตรง อาจมีความสูงได้มากกว่า 2 เมตร ในขณะที่พวกที่มีลำต้นโค้งงอ เช่น Cleistocactus dependens อาจะมีความสูงได้ถึง 5 เมตรหรือมากกว่านั้น ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5-6.50 เซนติเมตร และมีสันประมาณ 7-26 สัน

แคคตัสกลุ่มนี้บางชนิด เช่น Cleistocactus strausil พูกลีบจะถูกปกคลุมไปด้วยหนามละเอียดมากมาย เนินหนามอยู่ชิดติดกันและมีขนาดเล็ก ประกอบไปด้วยหนามกลางที่ยาวและแข็งแรง 4 อัน หนามข้างประมาณ 8-30 อัน หรือมากกว่านั้น ลักษณะละเอียดและอาจยาวได้ถึง 1.25 เซนติเมตร

ดอกมีลักษณะเป็นหลอด เปิดออกเฉพาะส่วนปลายเท่านั้น หลอดดอกอาจจะมีลักษณะตรง หรือเป็นแบบ Zygomorphic (ลักษณะของดอกที่แบ่งตามแนวเส้นผ่าศูนย์กลางได้เป็น 2 ส่วน ทั้ง 2 ส่วนจะมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ และแบ่งได้เพียง 1 ครั้ง) ในบางชนิดดอกอาจะมีลักษณะเป็นแบบ Zygomorphic อย่างชัดเจน และมีรูปร่างคล้ายหม้อต้มกาแฟ ด้านนอกของดอกประกอบด้วยขนสั้นๆ ที่พัฒนามาจากใบของต้น โดยเฉพาะแคคตัสชนิด Cleistocactus strausii นั้น พบว่ามีขนอยู่มากมายบริเวณดอก สีดอกมีตั้งแต่เฉดสีเหลืองจนไปถึงสีเขียวสว่าง หรือเฉดสีแดงจนถึงม่วง ผลมีลักษณะทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.25 เซนติเมตร หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ส่วนเปลือกมีสีและลักษณะเหมือนด้านนอกของหลอดดอก

แคคตัสสกุล Cleistocactus นี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในตอนกลางของเปรู ทางตะวันออกของโบลิเวีย และทางตอนเหนือของอาร์เจนตินา ปารากวัย และอุรุกวัย สามารถขยายพันธุ์ได้ง่ายทั้งการเพาะเมล็ดและตัดแยก ออกดอกตลอดทั้งปี และอดทนต่ออุณหภูมิที่หนาวเย็นได้

การปลูกแคคตัสในกระบะ และการปลูกลงดิน

20120607140353

การปลูกแคคตัสในกระบะหรือถาด ควรเลือกแคคตัสที่มีลักษณะลำต้นเป็นทรงกลมหรือมีทรงต้นไม่สูงนักโดยปลูกให้มีระยะห่างของแต่ละต้นเท่าๆ กัน และควรปลูกในถาดหรือกระบะที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย

การปลูกลงดิน ควรเลือกทำเลที่มีการระบายน้ำที่ดี น้ำไม่ขัง ควรเป็นที่กลางแจ้ง มีแสงแดดส่องถึงในปริมาณวันละ 3-4 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย แต่ควรระวังเรื่องดินผสม อย่าให้ดินแน่นจนเกินไป อาจใช้วิธียกเป็นแปลงปลูกให้สูงกว่าระดับดินโดยรอบก็ได้

สกุล Echinopsis

Echinopsis

สกุล Echinopsis แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 60 กว่าชนิดและอีกหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Echinopsis มาจากภาษากรีก หมายถึง เม่น ส่วนมากจะมีลักษณะกลมแป้นและจะเปลี่ยนเป็นทรงกระบอกเมื่อมีอายุมากขึ้น ลักษณะเป็นต้นตรง มักจะพบเป็นต้นเดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่ม มีแคคตัสในสกุลนี้อยู่ประมาณ 2-3 ชนิด ที่มีขนาดใหญ่ คือ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 35 เซนติเมตร และสูงถึง 70 เซนติเมตร ลำต้นเป็นสัน 8-30 สัน ตุ่มหนามมีลักษณะกลม เรียงอยู่ชิดติดกัน หรือห่างกันมากกว่า 2.5 เซนติเมตร มีหลายสี เช่น สีเทา สีขาว หรือสีน้ำตาล ประกอบไปด้วยหนามข้าง มีลักษณะตรงหรือโค้งงอ แผ่กระจายหรือแนบไปกับลำต้น มีอยู่ประมาณ 5-30 อัน ชนิดที่มีต้นขนาดใหญ่หนามข้างจะแข็งแรงยาวประมาณ 1.25-5 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางจะตั้งเด่นออกมาจากลำต้น ชนิดต้นเล็กหนามกลางจะเล็กและสั้น ส่วนชนิดที่มีต้นขนาดใหญ่จะยาวมากกว่า 2.5 เซนติเมตร มีอยู่มากกว่า 4 อัน สีหนามมีตั้งแต่สีขาว สีดำ สีเทา และสีน้ำตาล

ดอกมีลักษณะคล้ายกับทรัมเป็ต บางชนิดจะยาวถึง 20 เซนติเมตร พวกที่ดอกบานในตอนกลางคืนจะมีสีขาวและสีชมพูดซีด มักมีกลิ่นหอม ส่วนดอกที่บานในเวลากลางคืน ดอกจะมีสีเหลืองหรือสีแดง หลอดดอกปกคลุมไปด้วย ผลมีลักษณะเป็นทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.25-5 เซนติเมตร มีขนหรือหนามสั้นๆ ปกคลุม เมื่อแก่ตัวจะมีสีน่ำตาลปนเขียวหรือสีน้ำตาลแดงและมักจะแตกออก

แคคตัสสกุล Echinopsis มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนเหนือของอาร์เจนตินา ทางใต้ของบราซิล ปารากวัย และอุรุกวัย สามารถเจริญเติบโตได้ดีในหลายๆ พื้นที่ รวมทั้งพื้นที่สูงๆ ขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ดและตัดแยก โดยต้นใหม่ที่เกิดขึ้นมามักจะมีรากติดมาด้วย บางชนิดออกดอกได้ตั้งแต่อายุ 2-3 ปี ในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝนจะชอบน้ำมาก แต่ในฤดูหนาวควรงดให้น้ำ

สกุล Pereskia

Pereskia

สกุล Pereskia แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 25 ชนิด และอีก 2-3 สายพันธุ์ ชื่อสกุล Pereskia ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ N.CF.de Pieresc (พ.ศ. 2130-2180) แคคตัสในสกุล Pereskia ชนิดแรกที่ถูกนำเข้ามาในยุโรปในช่วงปลายศตวรรษที่ 26 ถูกค้นคว้าโดย Linnaeus ในปี พ.ศ. 2296 นั้นเรียกว่า Cactus pereskia หรือในปัจจุบันที่รู้จักกันในชื่อว่า Pereskia aculeata แคคตัสในสกุลนี้มีรูปร่างแตกต่างไปจากแคคตัสในสกุลอื่นๆ เช่น มีลักษณะเป็นพุ่มคล้ายพวกซัคคิวเลนท์ เป็นไม้เลื้อยหรืออาจจะเป็นไม้ยืนต้น มีการผลัดใบ และมีหนามที่บริเวณลำต้น เห็นได้ชัดเจน ชนิดที่เป็นพุ่มขนาดเล็กนั้นมักจะมีความสูงไม่เกิน 1 เมตร แต่ชนิดที่เป็นไม้เลื้อยหรือไม้ยืนต้นอาจจะมีความสูงได้ถึง 5-20 เมตรเลยทีเดียว

ดอกมีทั้งที่เป็นดอกเดี่ยวและอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ชนิดที่เป็นดอกเดี่ยวนั้นจะมีลักษณะคล้ายดอกกุหลาบ มีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลืองสว่าง สีม่วงแดง หรือสีแดงสด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-5 เซนติเมตร ผลมีลักษณะทรงกลม เมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองหรือสีแดงสด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-5 เซนติเมตร

แคคตัสสกุล Pereskia มีถิ่นกำเนิดอยู่ในหมู่เกาะเวสต์อินดีส ทางตอนกลางของอเมริกา ทางใต้สุดจนถึงทางเหนือของอาร์เจนตินา ปารากวัย และเปรู สามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ดและตัดชำ แคคตัสในสกุลนี้มีพืชในเขตร้อน จึงชอบอากาศอบอุ่น และน้ำอุดมสมบูรณ์ จึงจะสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และออกดอกได้ดี มีอยู่ 2-3 ชนิดที่สามารถเก็บให้อยู่ในระยะฟักตัวในฤดูหนาวได้

กลุ่ม Neopoteria

Neopoteria

กลุ่ม Neopoteria ลักษณะลำต้นค่อนข้างเล็ก เป็นทรงกลม หรือทรงกระบอก มีลักษณะของสันต้นที่ชัดเจน ด้านโคนของหลอดดอกมีลักษณะเป็นปุยนุ่มและมีหนาม แบ่งออกได้หลายสกุล ได้แก่ Austrocactus , Blossfeldia , Eriosyce , Frailea , Neoporteria , Notocactus , Parodia , Uebelmannia และ Wigginsia