เรื่องล่าสุด

หมวดหมู่

สกุล Hamatocactus

สกุล Hamatocactus แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 6 ชนิดและอีก 2-3 สายพันธุ์ ชื่อสกุล Hamotocactus มาจากภาษาละติน หมายถึง แคคตัสที่มีลักษณะเป็นตะขอ ต้นมีลักษณะทรงกลมถึงทรงกระบอก สีเขียวถึงสีเขียวอมน้ำเงิน แต่บางครั้งก็จะเหลือบๆ น้ำตาล ลำต้นเป็นสัน มีประมาณ 12-14 สัน มีตุ่มหนามลักษณะเป็นรูปไข่วางเรียงอยู่ห่างกัน ประกอบไปด้วยหนามข้างรูปทรงกลมหรือแบน ซึ่งอาจจะมีลักษณะตั้งตรง โค้งงอ หรือมีปลายเป็นตะขอ ประมาณ 7-15 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 1.25-1.75 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางมีหลายสีด้วยกัน ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีน้ำตาลออกแดงๆ มีอยู่ประมาณ 1-5 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 1-12.5 เซนติเมตร หนามกลางอันที่ยาวที่สุดจะมีปลายงอคล้ายกับตะขอ

ดอกมีลักษณะทรงกรวย สีเหลือง โคนกลีบดอกเป็นสีแดง สีน้ำตาลอมม่วง หรือสีม่วง ผลมีลักษณะทรงกลมหรือเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร

แคคตัสสกุล Hamatocactus […]

ลักษณะทั่วไปของแคคตัส

ลักษณะทั่วไปของแคคตัส โดยปกตินั้นคนส่วนใหญ่จะคิดว่าแคคตัสหรือต้นไม้ที่มีหนามแต่ในความเป็นจริงแล้ว แคคตัสบางสกุลอย่าง Lophophora หรือ แคคตัสสกุล Astrophytum บางชนิดนั้นก็ไม่มีหนามเลย ในขณะที่ไม้อวบน้ำบางสกุลอย่าง Euphorbia ก็มีหนาม แต่ไม่จัดว่าเป็นแคคตัส

ตามหลักพฤกษศาสตร์ได้พูดเอาไว้ว่าพืชที่จัดว่าเป็นแคคตัสหรือจัดอยู่ในวงศ์ Cactaceae นั้น เป็นไม้ยืนต้นและต้องมีบริเวณที่เรียกว่าตุ่มหนาม บริเวณดังกล่าวจะเป็นที่พบกลุ่มของหนามหรือขนแข็งขึ้นอยู่ และเรียงไปตามแนวซี่ หรือสันสูงของต้นอย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งยังเป็นบริเวณที่เกิดตาดอกและแตกกิ่งใหม่ของต้นอีกด้วย นอกจากนี้ดอกจะมีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกแยกกัน รังไข่จะอยู่ต่ำกว่าส่วนอื่นๆ ถ้านอกเหนือจากนี้ เช่น ไม่พบตุ่มหนาม หนามขั้นแต่ไม่เป็นระเบียบ ขึ้นอยู่กระจายๆ รอบๆ ต้น ดอกไม้ทั้งกลีบเลี้ยงและกลีบดอก หรือรังไข่อยู่เหนือส่วนอื่นๆ ไม่จัดว่าเป็นแคคตัสทั้งหมด

สำหรับเพื่อนๆ คนที่ไหนที่กำลังสงสัย ก็ลองเอากระบองเพชร หรือน้องแคคตัสมาลองเช็คดูกันได้ว่า ใช่แคคตัสจริงๆ รึป่าว…

สกุล Echinofossulocactus

สกุล Echinofossulocactus แคคตัสสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 30 ชนิด ชื่อสกุล Echinofossulocactus มาจากภาษากรีก และภาษาละติน หมายถึง เม่น และ รอยบาก แต่เดิมสกุลนี้ รู้จักกันในชื่อว่า Stenocactus ลักษณะเป็นทรงกลมถึงทรงกระบอก บางชนิดจะมีการแตกกิ่งด้านอย่างอิสระรอบๆ โคนต้น แคคตัสในสกุลนี้จำแนกค่อนข้างยาก เพราะมีหลากหลายรูปแบบ บางชนิดลำต้นเป็นสันถึง 100 สัน และมีลักษณะเป็นคลื่นบางชนิดก็มีหนามหนาแน่นมากจนไม่สามารถมองเห็นสันลำต้นได้ ตุ่มหนามมีขนาดเล็ก อาจอยู่ติดกันหรือห่างกันได้ถึง 4 เซนติเมตร หนามข้างมีขนาดเล็ก คล้ายเข็ม แต่แข็งแรงมาก มีอยู่ประมาณ 4-20 อัน หนามกลาง 1-4 อัน เช่น Echinofossulocactus lancifer มีหนามที่แข็งแรงมาก ยาวถึ 2.5 เซนติเมตร หนามกลางจะแข็งแรงกว่าหนามข้าง สีหนามมีหลายสี ตั้งแต่สีขาว สีเหลือง จนถึงสีน้ำตาล ในบางชนิดหนามกลางจะมีลักษณะอ้วนใหญ่เป็นสีน้ำตาล สีน้ำตาลแดง หรือสีดำ ยาวประมาณ […]

โรคจากแมลง

แมลงเป็นศัตรูพืชของแคคตัสมักจะมีขนาดเล็ก มองเห็นได้ยาก เพราะมักจะซ่อนตัวอยู่ระหว่างรอยต่อของหัวย่อยบริเวณตาดอกซอกเนินหนาม หรือในดินปลูก ผู้เลี้ยงจึงควรตรวจดูบริเวณดังกล่าวให้ละเอียดและมากเป็นพิเศษ หากพบว่าแคคตัสมีอาการผิดปกติซึ่งเกิดจากแมลงศัตรูพืชก็ควรแยกต้นนั้นออกไปทันที เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด

แมลงศัตรูพืชของแคคตัสที่พบมากที่สุด ได้แก่ 1. เพลี้ยแป้ง (Mealy bug) เป็นศัตรูที่สำคัญที่สุดของแคคตัส มีลักษณะคล้ายกับปุยสำลีสีขาวและมีตัวอ่อนของเพลี้ยแป้งอยู่ภายในตามปกติจะอยู่รวมกันในพื้นที่ที่ค้นหายาก เช่น รอบๆ ฐานของตุ่มหนาม ซอกหนาม โคนต้น บริเวณเหนือผิวดิน และราก เพลี้ยแป้งอาจมีผลทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต อาจแก้ไขได้โดยใช้ยาฆ่าแมลงประเภทดูดซึม เช่น มาลาไทออน (malathion) ซึ่งเป็นสารกำจัดแมลงประเภทลอกาโนฟอสเฟต มีประสิทธิภาพในการฆ่าแมลงได้ มีพิษต่อคนและสัตว์เลี้ยงค่อนข้างต่ำ หรือพวกไพรีทรายด์ (pyrethroid) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าหนอนได้ดี แต่มีพิษต่อคนและสัตว์ต่ำเช่นกัน บางครั้งอาจพบว่าเมื่อใช้ยาฆ่าแมลงแล้วยังมีเพลี้ยแป้งอยู่ โดยเฉพาะเมื่อย้ายหรือเปลี่ยนกระถาง หรือบางครั้งอาจเกิดเป็นกลุ่มสีเทารอบๆ ราก สามารถกำจัดได้โดยใช้ยาฆ่าแมลงและควรใช้ซ้ำอีกครั้งหลังการใช้ยาครั้งแรกประมาณ 5-10 วัน

2. เพลี้ยอ่อน (aphids) มีลักษณะลำตัวอ่อนนุ่ม สีเขียวคล้ำ มักอาศัยอยู่ตามตาดอก เพลี้ยอ่อนมีผลทำให้ต้นแคคตัสเจริญเติบโตผิดรูปร่างไป กำจัดได้โดยการฉีดพ่นด้วยสารละลายนิโคตินซัลเฟต (nicrotinesulphate) แต่ควรใข้ด้วยความระมัดระวังเพราะเป็นสารเคมีที่มีความอันตรายร้ายแรงสูง

3. เพลี้ยงแป้งที่ราก […]

สกุล Obregonia

สกุล Obregonia แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่เพียงชนิดเดียวเท่านั้น คือ Obregonia denegrii ซึ่งได้รับการค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2468 ชื่อสกุล Obregonia ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีของเม็กซิโก คือ Alvaro Obregon ลักษณะรูปร่างของลำต้นเป็นทรงกลม จุดเด่นคือ เป็นกลีบหนา สีเขียว ปลายงอนแหลม เรียงหงายซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 15 เซนติเมตร และมีขนาดฐานกว้าง 2.5 เซนติเมตร ตุ่มหนามอยู่บริเวณปลายกลีบ มีปุยนุ่มสีขาว ประกอบไปด้วยหนาม 4 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร

ดอกจะเกิดบริเวณปุยนุ่มตรงกลางยอดของต้น มีสีขาวหรือสีชมพูซีด ขนาดเส้นผ่าศูนย์ลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร ส่วนผลมีสีขาวหรือสีชมพูซีด ขนาดเล็ก เมื่อแห้งจะแตกออก

แคคตัสสกุล Obregonia มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางแถบตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยเมล็ด ชอบขึ้นใต้ร่มเงาของต้นไม้จำพวก xerophyte เจริญเติบโตค่อนข้างช้า ชอบดินที่มีการระบายน้ำดี ชอบร่มเงา ถ้าต้นได้รับแสงมากเกินไปจะแดงและชะงักการเจริญเติบโตได้

[…]